
ความผันผวนของตลาดคริปโตมีผลต่อ Metaverse ทำให้เกิดคำถามว่า เมตาเวิร์ส จำเป็นที่จะต้องมี Cryptocurrency และ NFT หรือไม่?
Metaverse กระแสแรกมาแรงเพราะชุมชนของนักลงทุน Cryptocurrency พอตลาดคริปโตปรับตัวลดลงจึงส่งผลกระทบไปต่อความนิยมในเมตาเวิร์สไปด้วย
คำตอบคือ..ไม่ต้องมีก็ได้ เพียงแต่อาจจะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น Web3.0 แบบสมบูรณ์
ทั้งนี้ เมตาเวิร์ส คือพัฒนาการอีกขั้นของ Web2.0 ในปัจจุบัน นั่นคือ โซเชียลมีเดีย จากเดิมที่เราสิ่งสามารถเสพคอนเทนท์ได้เฉพาะภาพและเสียงแต่เมตาเวิร์สจะช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการรับรู้คอนเทนท์ต่างๆได้ในหลากหลายมิติขึ้นโดยเฉพาะการสัมผัสรวมถึงภาพที่มีความสมจริงมากขึ้น
ใน Web2.0 ยังมี Pain Point สำคัญคือผู้ที่สร้างคอนเทนท์หรือผู้ที่เป็นเจ้าของ Account ในแพลตฟอร์มต่างๆไม่มีโอกาสที่จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินของตัวเองที่สร้างขึ้นในโลกออนไลน์แม้กระทั่งการที่จะได้แสดงตัวตนที่แท้จริง เป็นเพราะสิ่งต่างๆที่เราได้นำไปไว้อยู่ในแพลตฟอร์ม Web2.0 ยังอยู่ภายใต้คอนเซบท์ของ Centralized หรือการรวมศูนย์ ทันทีที่เราได้อัปโหลดเข้าไปในแพลตฟอร์ม สิ่งเหล่านั้นจะไม่ใช่ของเราอีกต่อไปแต่แพลตฟอร์มจะกลายเป็นเจ้าของแทน
ถ้าหากในอนาคตแพลตฟอร์มดังกล่าวปิดตัวไปเราอาจจะไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าจองทรัพย์สินที่เราสร้างขึ้นในโลกดิจิทัลอีกต่อไปหรืออาจจะถูกแทรกแซงจากเจ้าของแพลตฟอร์มอย่างเช่นการปิดกั้นการเข้าถึง การถูกเซ็นเซอร์ตลอดจนการถูกลบแอคเคานท์
แต่ถ้าหากโลกอินเทอร์เนตเข้าสู่ยุค Web3.0 ซึ่งอยู่ภายใต้คอนเซบท์ของ Ownership Base เราสามารถที่จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินต่างๆในโลกดิจิทัลได้ด้วยตัวเองและสามารถที่จะเคลื่อนย้ายถ่ายโอนซื้อขายกันได้ด้วยเทคโนโลยี NFT ทำให้เราสามารถสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเพียงหนึ่งเดียวบนโลกที่เราเป็นเจ้าของและผู้สร้างขึ้นมาได้
ลองนึกภาพการใช้ชีวิตใน เมตาเวิร์ส ที่หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องของ Fake Account ได้ อาจจะทำให้เกิดความสับสนในการใช้ชีวิตในนั้นว่าใครคือตัวจริงกันแน่ แต่ถ้าผู้ใช้งานสร้าง Avatar ของตัวเองในรูปแบบ NFT ก็จะสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าใครเป็นใคร
รวมถึงคอนเทนท์ต่างๆที่สร้างขึ้นก็จะสามารถแปลงให้อยู่ในรูปแบบของ NFT ซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างเมตาเวิร์สแต่ละแห่งได้เพราะทั้งหมดจะอยู่ภายใต้เทคโนโลยีเดียวกันนั่นคือบล็อกเชน
ขณะที่ Cryptocurrency ก็จะเข้ามาทำให้การใช้ชีวิตใน Metaverse มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น สามารถใช้เป็นเสมือนเงินตราที่สร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้จริง
สรุป คือเมตาเวิร์ส สามารถไปต่อได้แม้ว่าจะไม่มีเทคโนโลยี NFT และ Cryptocurrency แต่ก็จะขาดคอนเซบท์ของการเป็น Web3.0 หรืออินเทอร์เนตในยุคหน้าไป ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็น Web2.0 ที่ภาพสวยขึ้นเท่านั้นแต่ก็ยังมี Pain Point เดิมอยู่
แม้ว่าการมี NFT และ Cryptocurrency ซึ่งมีความผันผวนของราคาจะทำให้เกิดภาวะฟองสบู่แตกในโลกเมตาเวิร์ส แต่แท้จริงแล้วที่ใดมีระบบเศรษฐกิจที่นั่นย่อมมีความผันผวนของราคาเสมอซึ่งหากชุมชนเติบโตขึ้น ตลาดมีความเสถียรมากขึ้น ระบบเศรษฐกิจภายในโลกของเมตาเวิร์สก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้นในอนาคต
การที่ราคา Land และ NFT ปรับตัวลงมาในระดับ 80% แต่ถ้าแพลตฟอร์มเมตาเวิร์สนั้นๆยังคงเดินหน้าอยู่ ไม่ได้ปิดตัวไปก่อน เชื่อว่าสุดท้ายแล้วระบบเศรษฐกิจก็จะเข้าสู่ภาวะดุลยภาพและราคามีความสมเหตุสมผลได้ในที่สุด
”Cryptocurrency และ NFT จึงยังควรต้องเป็นส่วนหนึ่งของเมตาเวิร์สต่อไป” นเรศ เหล่าพรรณราย CEO Ricca Wealth กรรมการประชาสัมพันธ์ เมต้าเวิร์สได้กล่าว
ซึ่งต้องรอลุ้นว่าช่วงนี้จะเป็นยังไงครับ เพราะว่ามีการผักผันสูงมาก ยังไงก็ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ TOMITECH