AI หรือ Artificial Intelligence หรือสิ่งที่เรียกกันว่า ปัญญาประดิษฐ์ สิ่งความหายก็ต่างแตกกันออกไปขึ้นอยู่ที่มุมมองของคนคนนั้น ตามความเข้าใจของแต่ละคน

AI ย่อมาจากคำว่า Artificial Intelligence หรือเรียกกันว่า ปัญญาประดิษฐ์ ทางสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ได้ให้ความหมาย ไว้ว่า
“เป็นเทคโนโลยีการสร้างความสามารถให้แก่เครื่องจักรและคอมพิวเตอร์ ด้วยอัลกอริทึมและกลุ่มเครื่องมือทางสถิติ เพื่อสร้างซอฟต์แวร์ทรงปัญญา ที่สามารถเลียนแบบความสามารถของมนุษย์ที่ซับซ้อนได้เช่น จดจำ แยกแยะ ให้เหตุผล ตัดสินใจ คาดการณ์ สื่อสารกับมนุษย์ ในบางกรณีอาจไปถึงขั้นเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง”
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ได้กล่าว
สรุปแบบง่ายๆ คือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น การพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้สามารถทำงานได้เหมือนมนุษย์ ให้มีความสามารถในการคิดได้เองโดยที่ไม่ต้องสอน คิดและแสดงออกแบบมีเหตุผลได้เหมือนมนุษย์นั่นเอง
ชนิดของ Artificial Intelligence แบ่งออกเป็น 3 ชนิด
- Artificial Narrow Intelligence (ANI)
เป็นรูปแบบที่สามารถเจอได้บ่อย ซึ่งชนิดนี้ออกแบบมาให้แก้ไขปัญหา ๆ เดียว ทำให้รับมือกับปัญหา ๆ เดียว เช่น สามารถแนะนำสินค้าที่คนต้องการได้ แต่สิ่งที่ทำได้ก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมด้วยการใช้ตัวแปรไม่กี่ตัวในการทำงาน
- Artificial General Intelligence (AGI)
มีความฉลาดเทียบเท่ามนุษย์ มีการตระหนักคิดได้แบบมนุษย์ ไม่ใช่เรียนรู้จากสิ่งที่เห็นเท่านั้น
- Artificial Super Intelligence (ASI)
คือการที่เอา AGI มาทำงานร่วมกัน ทำให้ก้าวข้ามความสามารถของมนุษย์ไปแล้ว มีความฉลาดเกินมนุษย์
*AGI และ ASI ประเภทนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง มีแค่ในหนังกับนิยายเท่านั้น*
จุดประสงค์ของการใช้งาน
คือ การช่วยให้มนุษย์สามารถที่จะตัดสินใจในสิ่งที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น อ้างอิงจากข้อมูลที่ AI ย่อยออกมาให้เข้าใจได้ง่าย เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อจะพัฒนาคุณภาพชีวิต แต่ปัจจุบันส่วนใหญ่จะถูกใช้ในบริษัทเพื่อพัฒนาคุณภาพของระบบงาน การบริหารจัดการงาน เพื่อผลลัพธ์ทางธุรกิจที่มีมากกว่าเดาหรือการคิดไป
ดูข้อมูลเอไอเพิ่มเติมได้ ที่นี่
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ TOMITECH