
Amazon บริษัทเทคโนโลยี จากสหรัฐฯ ที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมอันดับหนึ่ง ของโลก เปิดเผยว่า ได้ถูกคัดเลือกโดยธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank หรือ ECB) ร่วมกับอีกสี่บริษัทจากทั้งหมด 54 บริษัท ในการพัฒนาหน้าตา UX และ UI ของระบบเงินดิจิทัลยูโร โดยจะเน้นไปที่การให้บริการด้านการชำระเงินออนไลน์ (e-commerce) เป็นหลัก
หนึ่ง ในแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลมากที่สุด โดย Amazon จะช่วยในการวาง อินเทอร์เฟซ ที่เน้นการชำระเงินทางอีคอมเมิร์ซ
ปัจจุบัน ธนาคารกลางยุโรป ได้ทำงานร่วมกับธนาคาร ไซซ่า (Caixabank) และบริษัทเวิร์ลไลน์ (Worldline) ในการจัดการระบบการชำระเงินออนไลน์ ในขณะที่บริษัทเนคซี (Nexi) และ EPI ได้ดำเนินการ นำร่องระบบการชำระเงิน
ธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank หรือ ECB) เน้นย้ำว่า ระบบต้นแบบนี้จะมุ่งเน้นไปที่การผสมผสานระหว่างระบบ ดิจิทัลยูโรและระบบของบริษัทต่าง ๆ ด้านสถาบันการเงิน กล่าวว่านี่เป็นก้าวสำคัญของ “ช่วงการตรวจสอบ” ที่ดำเนินการมาแล้ว เป็นระยะเวลาสองปี และคาดหวังว่าโปรเจกต์สกุลเงินดิจิทัลนี้ จะบรรลุผลไตรมาสแรกภายในปี 2023
ในการทดลองครั้งนี้ การทำธุรกรรมจะถูกจำลองโดยใช้ระบบพัฒนาส่วนหน้าบ้านที่ถูกพัฒนาขึ้น โดยบริษัทอเมซอนและอีกสี่บริษัท โดยจะดำเนินการผ่าน ระบบผู้ใช้งานยูโรซิสเต็มและโครงสร้างส่วนหลังบ้าน และยืนยันว่าระบบต้นแบบที่ใช้ในการทดลองจะไม่ถูกนำมาใช้ในเฟสถัดไป กล่าวเพิ่ม
ธนาคารกลางยุโรป ได้ริเริ่มโครงการดิจิทัลยูโรในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว และเริ่มต้นการพัฒนาเป็นระยะเวลาสองปีที่เน้นไปที่ธุรกิจรายย่อยที่เปิดตัวชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลในไม่กี่เดือนต่อมา นอกจากนี้แล้ว ธนาคารกลางยุโรปยังมีแผนที่จะเปิดตัวระบบใบแจ้งหนี้ดิจิทัลในปี 2023 ซึ่งนี่อาจทำให้ธนาคารกลางยุโรปกลางเป็นธนาคารกลางแห่งแรกที่มีสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตัวเอง
อย่างไรก็ดี นางคริสทีน ลากรันช์ (Christine Lagarde) ผู้ว่าการธนาคารกลางยุโรป ได้กล่าวในเดือนกุมภาพันธ์ว่า สกุลเงินยูโรดิจิทัลจะไม่เข้าไปทำหน้าที่แทน เงินสด แต่จะเป็นการเสริมบทบาทของสกุลเงินยูโรให้ สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ถือว่าเป็นข่าวดีมากๆครับ สำหรับทางฝั่งยุโรปที่มียักษ์ใหญ่เข้ามา ช่วยดูแล สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก อะเมซอน ก็สามารถคลิกที่ลิงก์ได้เลยครับ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ TOMITECH