จากการประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาบอกว่าจะเริ่มใช้ “Digital Baht” ในช่วงกลางปี 2565 ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่ามันคืออะไร แล้วเหมือนกับคริปโตหรือไม่ ในวันนี้เราจะมาคำตอบไปด้วยกัน
Digital Baht คือ หนึ่งใน Central Bank Digital Currency (CBDC) หรือ สกุลเงินดิจิทัลของรัฐ ซึ่งธนาคารในแต่ละประเทศก็จะมีสกุลเงินเป็นของตัวเอง มีค่าเท่ากับ ธนบัตร หรือเรียกอีกอย่างว่า ธนบัตรดิจิทัล เงินบาทดิจิทัลนี้จะถูกควบคุมโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งพัฒนาอยู่บนเทคโนโลยีบล็อกเชน แต่มีลักษณะที่แตกต่างกับ Cryptocurrency อยู่เช่นกัน โดยหลัก ๆ จะมี 4 ประเด็นด้วยกัน
- ผู้ควบคุม CBDC ถูกสร้างและควบคุมโดยหน่วยงานรัฐอย่างธนาคารกลางหรือหน่วยงาน ซึ่งต่างจาก Cryptocurrency ที่ไม่มีหน่วยงานภาครัฐมาเกี่ยวข้อง แต่ทุกคนในระบบสามารถทำการตรวจสอบด้วยกันเองทั้งหมด
- การเปิดเผยตัวตน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลบัญชี ข้อมูลการทำธุรกรรม รวมถึงข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ จะถูกหน่วยงานของภาครัฐรับรู้ แต่ Cryptocurrency จะไม่สามารถตรวจสอบได้
- วัตถุประสงค์ CBDC ถูกออกแบบมาให้ใช้แทนเงินสด (Fiat Money) หรือก็คือมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็น “สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน” ในทางกลับกัน Cryptocurrency สามารถที่จะใช้สำหรับเก็งกำไร (Speculative) หรือแม้กระทั่งใช้แลกเปลี่ยนกันได้
- ความผันผวน CBDC มีลักษณะใกล้เคียงเงินสดของประเทศนั้น ๆ จึงทำให้มูลค่าของมันมีแนวโน้มที่จะเป็นไปตามตลาดค่าเงิน (Forex) ส่วน Cryptocurrency ในปัจจุบันส่วนมากจะมีความผันผวนที่สูงมาก จาก Demand & Supply ในตลาดเป็นหลัก
แม้ว่ากระทำธุรกรรม CBDC จะอยู่ในระบบ Blockchain ที่จะทำให้การทะธุรกรรมอะไรก็ตามมีความปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว โอนย้ายเงินข้ามพรมแดนได้ แต่ CBDC เป็นสกุลเงินที่ถูกควบคุมโดยรัฐ สามารถตรวจสอบรายการธุรกรรมต่าง ๆ ของเราได้ หือแม้กระทั่ง ข้อมูลส่วนตัว ทำให้เป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกันเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy) อาจจะทำให้ความเป็นส่วนตัวในการชีวิตหรือการทำธุรกิจต่าง ๆ ลดน้อยลง
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ TOMITECH
